The Valet รักลักลอบ ภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้ สัญชาติอเมริกัน ที่กำกับโดย Richard Wong ซึ่งเรียกได้ว่านี่คือการนำเอามารีเมคอีกครั้งจากภาพยนตร์ฝรั่งเศสเรื่อง The Valet (2006) โดยครั้งนี้ได้นักแสดงนำอย่าง Eugenio Derbez และ Samara Weaving ที่แม้จะต่างวัยแต่เคมีเข้ากันดีมากๆ พร้อมด้วย Max Greenfield, Betsy Brandt, Marisol Nichols และทัพนักแสดงอื่นๆ อีกเพียบ
ภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวของ Antonio (แสดงโดย Eugenio Derbez) พนักงานรับจอดรถแห่งหนึ่งที่บังเอิญถูกถ่ายภาพกับ Olivia (แสดงโดย Samara Weaving) ดาราสาวชื่อดัง ขณะที่เธอกำลังนอกใจแฟนหนุ่มของเธออย่าง Vincent (แสดงโดย Max Greenfield) ที่เป็นผู้จัดการทีมเบสบอลชื่อดัง ด้วยความที่ต้องจับพลัดจับผลูจึงทำให้ทั้งสองต้องมาร่วมแก้ปมปัญหาไปด้วยกัน เพื่อปกปิดเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้น Olivia จึงจ้าง Antonio ให้ปลอมเป็นแฟนของเธอ เกิดเป็นความรักสุดโรแมนติก และ ฮา บ้า รั่ว ที่ทั้งคู่ได้ใช้เวลาร่วมกัน จนพัฒนาความสัมพันธ์กันมากยิ่งขึ้น
นี่เป็นอีกหนึ่งหนังรักคอเมดี้แห่งปี 2022 ที่ฟีลกู้ดมากๆ อิ่มเอมทั้งความสนุกและชวนให้อบอุ่นหัวใจ ซึ่งใช้การดำเนินเรื่องหลักผ่านตัวละครทั้งสองอย่างพนักงานจอดรถแก่ๆ ธรรมดาคนนึง กับดาราสาววัยรุ่นฮอลีวูดชื่อดัง แต่ดันต้องมามีเรื่องราวให้ได้ใช้เวลาร่วมกัน แต่ความต่างวัยก็ทำให้เคมีของทั้งคู่ลงตัวเข้ากันดีมากๆ บวกกับถ่ายทำในสถานที่ที่สวยงามของลอสแองเจลิส ดนตรีประกอบที่บิ้วอารมรณ์ในแต่ละฉากได้อย่างดี
ด้านตัวบทก็ค่อนข้างเดินเป็นเส้นตรงปกติ สไตล์หนังรักทั่วไปที่ไม่ได้มีอะไรลึกลับซับซ้อน แต่จะเน้นให้ผู้ชมได้เสพบรรยากาศโมเม้นดีๆ ที่ตัวละครทั้งสองได้ใช้เวลาร่วมกัน มีมุขตลกเล็กน้อยของทั้งคู่ที่ดูเหมือนจะไม่มีทางเข้ากันได้ในตอนแรก แต่ก็ผ่านอะไรมาด้วยกันแม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งถือว่าบทดีมากจนทำให้เราอินไปกับเรื่องราวได้แบบไม่ติดขัดอะไรเลย แถมจุดพีคของเรื่องก็ยังทำให้เราหัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมๆ กันได้ อิ่มเอมหัวใจและครบรสมากๆ ในเรื่องเดียว
The Valet เป็นภาพยนตร์ที่ถือว่าสนุกครบรส ดูได้ทุกเพศทุกวัย แถมยังให้ข้อคิดดีๆ เกี่ยวกับประเด็นเรื่องความเท่าเทียมและยอมรับ ที่แสดงให้เห็นว่าทุกคนมีความเท่าเทียมกัน ไม่ว่าเราจะมาจากภูมิหลังหรืออาชีพการงานใดก็ตาม การที่พนักงานรับจอดรถจากชนชั้นแรงงาน ทำให้เขาต้องเผชิญกับอคติจากสังคม แต่สุดท้ายก็รักและได้รับการยอมรับจากดาราสาวชื่อดังจากชนชั้นสูง เธอเองก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากสังคมด้วยเหมือนกัน ซึ่งแม้จะมีอุปสรรคมากมายแค่ไหน แต่ก็ทำให้เห็นได้ว่าความรักนั้นยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใดจริงๆ แถมตอนจบก็ทำออกมาได้น่าประทับใจมาก